น้ำผึ้ง เป็นหนึ่งในอาหารที่มีตำนานเล่าขานกันไม่รู้จบ… ย้อนไปในสมัยจักรวรรดิโรมัน น้ำผึ้งมีค่าเทียบเท่าทองคำ จนสามารถใช้ชำระภาษีแทนทองคำได้ สำหรับเรื่องราวของน้ำผึ้งที่ดูจะคล้ายกันทั่วโลก คือ “การเป็นน้ำอมฤตเพื่อสุขภาพ” ด้วยประโยชน์ทางอาหารและยานานัปการ บ่อยครั้งจึงเห็นน้ำผึ้งทำหน้าที่เป็นทั้งอาหารและยาในเวลาเดียวกัน จนทุกบ้านมักมีน้ำผึ้งติดบ้านกันไว้เสมอทุกยุคทุกสมัย
อัศจรรย์แห่งน้ำผึ้ง
หยดหยาดสีเหลืองทองนี้ ผลิตจากฝูงผึ้งนับหมื่นตัวที่ออกจากรังรวงไปหาน้ำหวานจากดอกไม้นับแสนดอกทุกรุ่งอรุณของวันใหม่ เป็นที่มาของอาหารทิพย์ที่กลายเป็นตำนานในการรักษาสุขภาพมานานนับพันปี
วิตามิน : น้ำผึ้งเป็นศูนย์รวมวิตามิน ได้แก่ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 และวิตามินซี ซึ้งให้พลังในการทำงาน ปรับสมดุลให้ร่างกายและจิตใจ ทำให้ผิวหนัง เส้นผม และกล้ามเนื้อแข็งแรง
แหล่งคาร์โบไฮเดรตชั้นยอด : น้ำผึ้งมีส่วนประกอบของน้ำตาลฟรักโทสและกลูโคส ซึ่งเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรง จึงเหมาะสำหรับคนที่มีอาการอ่อนเพลีย
สารไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ เป็นสารที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย คนสมัยโบราณจึงใช้น้ำผึ้งเป็นยาฆ่าเชื้อแทนยาปฏิชีวนะ ซึ่งปัจจุบันนิยมนำมาใช้ในการดูแลปัญหาสิวกันอย่างแพร่หลาย
กินน้ำผึ้งเพิ่มพลังงาน
มื้อเช้าสุขภาพกับน้ำผึ้ง : ใครที่รู้สึกอ่อนเพลียในยามเช้า หรือไม่มีพลังงานในการเริ่มวันใหม่ ให้ลองเติมน้ำผึ้งลงไปในอาหารหรือเครื่องดื่มเล็กน้อย เพราะนอกจากจะให้พลังงานที่ร่างกายดูดซึมได้ง่ายแล้ว ยังมีวิตามินที่ช่วยเพิ่มความสดใสอีกด้วย ตัวอย่างเช่น กินขนมปังโฮลวีตกับน้ำผึ้ง หรือผลไม้รวมราดน้ำผึ้ง จะช่วยให้สดชื่นขึ้น
น้ำผึ้งกับเครื่องดื่มเรียกพลังระหว่างวัน : น้ำผึ้งช่วยให้สดชื่นและคลายความอ่อนล้าจากการทำงานได้ เคล็ดลับง่ายๆ เพียงเติมน้ำผึ้งลงไปในเครื่องดื่มสุขภาพที่ชื่นชอบ เช่น น้ำผึ้งผสมมะนาว นมถั่วเหลืองผสมน้ำผึ้ง หรือจะเติมลงในชาก็หอมกรุ่น ให้รสละมุนกลมกล่อม แต่ไม่ควรเติมมากจนเกินพอดี เพราะอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มได้
น้ำผึ้งก่อนนอน : หากเกิดอาการนอนไม่หลับ อย่าเพิ่งนึกถึงยานอนหลับฤทธิ์แรง ลองทานน้ำผึ้งสัก 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น ในเวลาอาหารเย็นทุกวันจะช่วยให้นอนหลับได้สนิท ตื่นเช้าจะรู้สึกผ่อนคลายและสดใส ขณะเดียวกัน น้ำผึ้งยังมีสรรพคุณช่วยลดอาการโลหิตจาง เนื่องจากน้ำผึ้งมีธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นองค์ประกอบของฮีโมโกลบิน จึงช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดง
เคล็ดลับการเลือกน้ำผึ้ง
วิธีง่ายๆ ในการดูว่าเป็นน้ำผึ้งแท้หรือน้ำผึ้งเทียม อันดับแรก ให้ลองดมกลิ่นดูว่ามีกลิ่นหอมของดอกไม้ตามที่ระบุเอาไว้บนฉลากหรือไม่ เพราะน้ำผึ้งควรมีกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ผึ้งออกไปเก็บน้ำหวานมา
ลักษณะของน้ำผึ้งจะต้องมีความหนืด ไม่ว่าจะอยู่ในอุณหภูมิห้องหรือที่ที่มีอากาศร้อน ไม่มีสิ่งเจือปนแม้แต่เกสรดอกไม้หรือตัวผึ้ง
นอกจากนี้น้ำผึ้งต้องเป็นเนื้อเดียวกัน มีสีเดียวกันทั้งขวด ไม่ตกผลึกหรือแยกสีอ่อนสีเข้มอย่างชัดเจน และสีของน้ำผึ้งควรจะเป็นสีอ่อนตามธรรมชาติ หากเจอน้ำผึ้งสีเข้มจนถึงดำ ให้สันนิษฐานว่าเป็นน้ำผึ้งเก่า ซึ่งคุณประโยชน์ต่างๆ จะลดทอนลงไป
ตารางประโยชน์ของน้ำผึ้งในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ
โรค/ปริมาณ/วิธีใช้
โรค/ปริมาณ/วิธีใช้
1. บำรุงสุขภาพ น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน
2. อดนอน น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้
3. ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง 1/2 -1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า/ก่อนนอน
4. นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน
5.ไอ หลอดลมอักเสบ มีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ (ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว 1/2 เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำขิงเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร
7. ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มก่อนนอน
8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน
9. ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว
10. เด็กหวะนม น้ำผึ้ง 1/2 -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกเมื่ออาหาร
12. ล้างแผล แผล ฝี หนอง แผลเรื้อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วน ชะล้างแผล หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่เย็นแล้วล้างแผลให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล
13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง
14. โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะ ขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะ ก่อนนอน
15. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
16. เด็กโตช้าและโลหิตจาง น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ
17. เสียน้ำหรือเสียเลือด (10-20 %) น้ำ 1 ถ้วยแก้ว ผสมเกลือ 1/4 ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
18. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 ถ้วย
2. อดนอน น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้
3. ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง 1/2 -1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า/ก่อนนอน
4. นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน
5.ไอ หลอดลมอักเสบ มีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ (ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว 1/2 เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำขิงเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร
7. ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มก่อนนอน
8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน
9. ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว
10. เด็กหวะนม น้ำผึ้ง 1/2 -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกเมื่ออาหาร
12. ล้างแผล แผล ฝี หนอง แผลเรื้อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วน ชะล้างแผล หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่เย็นแล้วล้างแผลให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล
13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง
14. โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะ ขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะ ก่อนนอน
15. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
16. เด็กโตช้าและโลหิตจาง น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ
17. เสียน้ำหรือเสียเลือด (10-20 %) น้ำ 1 ถ้วยแก้ว ผสมเกลือ 1/4 ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
18. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 ถ้วย
ที่มา sahibzaman
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น