อัลกุรอานได้แจ้งให้เราทราบถึงการเดินทางของท่านนะบีอิบรอฮีม
อะลัยฮิสสลาม (ขอความศานติจงมีแด่ท่าน)
มุ่งหน้าสู่ที่ราบระหว่างหุบเขาที่ปราศจากพืชพรรณธัญญาหาร
ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครมักกะฮฺในปัจจุบันนี้
แต่มิได้แจ้งให้เราทราบถึงสาเหตุแห่งการอพยพเข้าสู่นครแห่งนี้ ถึงแม้ว่าหลักฐานจากแหล่งอื่น
ๆ จะได้กล่าวถึงสาเหตุเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า
เพราะความหึงหวงของนางซาเราะฮฺศรีภรรยาที่มีต่อนางฮาญัร
ซึ่งให้บังเกิดบุตรสุดที่รัก (คืออิสมาอีล) แก่ท่านนะบีอิบรอฮีม อะลัยฮิมัสสลาม
(ขอความศานติจงมีแด่ท่านทั้งสอง) ขณะนั้นปาเลสไตน์(เมืองชาม)ซึ่งเป็นแหล่งพำนักของครอบครัวนี้ได้รับการทดสอบจากพระผู้เป็นเจ้า
ดังนั้นท่านนะบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสสลาม
จึงจำต้องอพยพหอบลูกหอบเมียไปยังสถานที่แห่งใหม่
เพื่อให้ห่างไกลเสียจากนางซาเราะฮฺ เพื่อสองแม่ลูกจะได้มีความสุขกันแต่ลำพัง ณ
ที่นี้ก็เกิดข้อกังขาขึ้นว่าทำไมท่านนะบีอิบรอฮีม
จึงเลือกสถานที่อันแห้งแล้งและห่างไกล เพื่อใช้เป็นที่พำนักของสองแม่ลูก?
ไม่มีสถานที่อื่น ๆ
ที่เหมาะสมกว่านี้อีกหรือ? ซึ่งอาจจะเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์มีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย
และพร้อมที่จะให้การต้อนรับครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวนี้
นอกจากนี้ตามสามัญสำนึกแล้ว
สมควรที่ท่านนะบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสสลาม
จะนำลูกสุดที่รักไปยังสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์และมีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย
เพื่อจะได้มีความอบอุ่นใจขึ้นบ้าง แต่อะไรเล่าที่ผลักดันให้ท่านนะบีอิบรอฮีม ต้องตัดสินใจกระทำเช่นนั้น? เราไม่อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นเพียงการกระทำโดยบังเอิญ
หรือเป็นผลอันเนื่องมาจากการนึกคิดเพื่อเลือกสถานที่อันเหมาะสม
เพราะมักกะฮฺหรือบะรียะตุฟาราม (ชื่อที่เรียกกันในคัมภีร์ไบเบิล)
หาใช่เป็นสถานที่อันเหมาะสมในขณะนั้นไม่
ดังนั้นในทัศนะของผู้ที่มีความเชื่อมั่นต่อพระผู้เป็นเจ้า ก็จะเห็นว่าเป็นการแนะแนวทางของพระผู้เป็นเจ้า
ซึ่งท่านนะบีอิบรอฮีม
ก็ยอมรับฟังและปฏิบัติตามด้วยการเสียสละทุกวิถีทางเพื่อพระองค์
เกี่ยวกับเรื่องนี้ท่านอิหม่ามอัลบุคอรีย์ได้รายงานไว้ว่า
นางฮาญัรได้กล่าวกับท่านนะบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสสลามว่า “ท่านจะจากเราไปและทิ้งเราไว้ ณ
ที่ราบแห่งนี้โดยปราศจากผู้ให้ความคุ้มกันกระนั้นหรือ?” นางได้กล่าวเช่นนั้นหลายครั้งหลายหน
โดยที่ท่านนะบีอิบรอฮีมไม่ยอมให้คำตอบหรือเหลียวหลังมาให้ความสนใจแก่นางเลย
ในที่สุดนางก็กล่าวขึ้นว่า “อัลลอฮฺทรงใช้ท่านกระทำเช่นนี้หรือ?”
ท่านนะบีอิบรอฮีมจึงได้ตอบขึ้นทันทีว่า “ใช่แล้ว” นางฮาญัรจึงกล่าวเสริมอีกว่า “ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งเราเป็นแน่”
ดังนั้นเราจึงสันนิษฐานได้ว่า
ตามรายงานของอิหม่ามบุคอรีย์ที่ได้กล่าวมานี้
เป็นการสอดคล้องกับการวิจัยทางสติปัญญาถึงการมุ่งหน้าของท่านนะบีอิบรอฮีมไปยังสถานที่แห่งนี้
ซึ่งเป็นผลสรุปได้ว่า
พระองค์อัลลอฮฺทรงประสงค์ที่จะให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
ด้วยการดลใจให้ท่านนะบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสสลาม มุ่งหน้าไปพร้อมด้วยบุตรและมารดา
เพื่อปล่อยให้สองแม่ลูกอยู่ในความคุ้มกันของพระองค์และขอพรต่อพระองค์ว่า
رَبَّنَا إِنِّي
أَسْكَنْتُ مِنْ ذُرِّيَّتِي بِوَادٍ غَيْرِذِيْ زَرْعٍ عِنْدَ بَيْتِكَ
المُحَرَّمِ رَبَّنَا لِيُقِيْمُوا الصَّلاَةَ فَاجْعَلْ أَفْئِدَةً مِنَ النَّاسِ
تَهْوِيْ إِلَيْهِمْ وَارْزُقْهُمْ مِنَ الثَّمَرَاتِ لَعَلَّهُمْ يَشْكُرُوْن
“พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
แท้จริงข้าพระองค์ได้นำลูกหลานของข้าพระองค์มาพำนักอยู่ ณ หุบเขาอันปราศจากพืชพรรณ
ณ บ้านของพระองค์อัลมุหัรรอม
พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์เพื่อให้พวกเขาดำรงการละหมาด
ขอพระองค์ทรงให้จิตใจของมหาชนมุ่งสู่พวกเขาเหล่านั้น และทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา
หวังว่าพวกเขาจะขอบคุณแด่พระองค์”
ความอุดมสมบูรณ์ที่ปกคลุมประชากรในอาณาบริเวณนี้ในขณะนี้นั้น
มีผลสืบเนื่องมาจากความศิริมงคลของครอบครัวตระกูลนี้
โดยที่พระองค์อัลลอฮฺตะอาลาทรงตอบรับการขอพรของท่านนะบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสสลาม
ด้วยการประทานธารน้ำซัมซัม (زمزم) มา
ณ สถานที่นั้น เพื่อเป็นการประทังชีพแก่สองแม่ลูกและประชากรในภายหลัง
สถานที่ซึ่งมีภูเขาล้อมรอบและแห้งแล้งมาแต่โบราณกาล
แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระผู้เป็นเจ้า
ทรงบันดาลให้กลับกลายเป็นที่พำนักพักพิงของประชากรหลายชาติหลายภาษา เพราะพระองค์ประสงค์จะให้เป็นบ้านหลังแรก
และเป็นศูนย์รวมแห่งการอิบาดะฮฺต่อพระองค์
จึงทรงบัญชาให้ท่านนะบีอิบรอฮีมและอิสมาอีล (ขอความศานติจงมีแด่ท่านทั้งสอง)
สร้างบ้านหลังแรกขึ้น เสร็จแล้วท่านทั้งสองก็กล่าววิงวอนขึ้นว่า
رَبَّنَاتَقَبَّلْ
مِنَّا إِنَّكَ أَنْتَ السَّمِيعُ العَلِيم
“พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงรับการงานจากข้าพระองค์
แท้จริงพระองค์องค์เดียวเท่านั้นเป็นผู้ทรงได้ยินเป็นผู้ทรงรอบรู้”
นี่คือพระประสงค์ของพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา
สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นศูนย์รวมและแหล่งปลอดภัยของมนุษยชาติ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านนะบีอิบรอฮีมและครอบครัวของท่านก็กลายเป็นการเตือนให้รำลึกถึงอดีตอันยาวนาน
พระองค์อัลลอฮฺตะอาลาก็ทรงยกย่องให้มีการรำลึกและให้เป็นสัญลักษณ์เพื่ออิบาดะฮฺต่อพระองค์
อีกทั้งเป็นการแสวงหาความใกล้ชิดต่อพระองค์ให้บัญญัติศาสนาปัจจุบัน ณ ที่นี้เราก็จะประจักษ์ถึงเคล็ดลับแห่งการมุ่งหน้าของท่านนะบีอิบรอฮีมพร้อมด้วยบุตรสุดที่รักสู่สถานที่แห่งนี้
นักประวัติศาสตร์ได้เขียนเล่าถึงความเก่าแก่ของบ้านหลังแรกนี้ว่า
เป็นบ้านที่มีมาก่อนสมัยท่านนะบีอิบรอฮีม
จึงเป็นเหตุให้ท่านเลือกเอาสถานที่แห่งนี้ให้แก่สองแม่ลูก
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีนักประวัติศาสตร์บางคนได้วาดลวดลายโดยกล่าวถึงว่า
บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยท่านนะบีอาดัม อะลัยฮิสสลาม
ต่อมาท่านและบรรดานะบีหลังจากท่านได้ใช้เป็นที่ประกอบพิธีฮัจญฺ
และได้ถูกยกขึ้นไปยังชั้นฟ้าเมื่อสมัยน้ำท่วมและได้ถูกนำกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
นิยายต่าง ๆ เหล่านี้ถ้าจะพิจารณาดูแล้วก็จะเห็นได้ว่าเป็นการขัดแย้งซึ่งกันและกัน
นอกจากนั้นยังหาสาระและความแน่นอนอะไรไม่ได้
อีกทั้งยังเป็นการขัดแย้งและไม่สอดคล้องกับอัลกุรอานอีกด้วย
อัลกุรอานได้บันทึกไว้ว่า
อัลลอฮฺตะอาลาได้มีบัญชาให้ท่านนะบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสสลาม
กวาดล้างบ้านของพระองค์ให้พ้นจากความแปดเปื้อนของการชิริกสิ่งคู่เคียงพระองค์
มิให้นำรูปปั้นและสิ่งอื่น ๆ มาประดิษฐานไว้ในบ้านของพระองค์
แต่จัดให้เป็นสถานที่อิบาดะฮฺแด่พระองค์องค์เดียว สำหรับผู้ฏอว้าฟผู้ทำเอี๊ยะติกาฟ
และผู้ทำละหมาด
وَطَهِّر بَيتِيَ
لِلطَّائِفِينَ وَالقَائِمِينَ وَالرُّكَّعِ السُّجُود
“และจงทำบ้านของฉันให้สะอาด
(จากสิ่งที่เป็นชิริก) สำหรับผู้ฏอว้าฟ ผู้ละหมาด ผู้ทำรุกั๊วะและผู้ทำสุญูด”
นี่แหละท่านนะบีอิบรอฮีมและอิสมาอีล
(ขอความศานติจงมีแด่ท่านทั้งสอง) ได้วางศิลา์ของการทำฮัจญฺไว้แล้วในอดีตอันยาวนาน
ต่อมาชาวอาหรับยุคแล้วยุคเล่าก็ได้ถือปฏิบัติการทำฮัจญฺมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้
ถึงแม้ว่าวิธีการและการปฏิบัติจะผิดแผกแตกต่างไปบ้างก็ตาม
ที่มา islaminthailand
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น